หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

PHOTO GALLERY*** : INTERNATIONAL FLEET REVIEW 2017

ครั้งแรกในเมืองไทย เรือรบ 38 ลำ จากนานาชาติ ลอยลำเหนืออ่าวพัทยา ซ้อมใหญ่งานสวนสนามทางเรือ ก่อนวันจริง 20 พฤศจิกายน โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ( ข้อมูล/ภาพ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ มหกรรมทางเรือนานาชาติ)

วันนี้ (18 พ.ย.60) เวลา 09.00 น. พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปตรวจความพร้อม และการซ้อมสวนสนามทางเรือ เพื่อติดตามความพร้อมในการจัดมหกรรมทางเรือนานาชาติเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน โดยได้ตรวจความพร้อม ณ แหลมบาลีฮาย ในการนี้ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ลงเรือหลวงถลาง ซึ่งเป็นเรือประธานในการสวนสนามทางเรือ ทำการซ้อมตามรูปแบบและกำหนดการเสมือนจริง ณ บริเวณอ่าวพัทยา

ในการนี้ เรือต่างประเทศที่เตรียมมาร่วมการสวนสนามทางเรือ ที่กองทัพเรือไทยในฐานะเจ้าภาพได้เชิญร่วมงาน มหกรรมทางเรือนานาชาติครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน สรุปมีจำนวนเรือรบจากต่างชาติ จำนวน 25 ลำ และเรือรบของไทย 13 ลำ รวมเป็น 38 ลำ ร่วมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และพลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ รวมถึงผู้แทนระดับสูงของกองทัพเรืออาเซียน และกองทัพเรือนานาชาติ จำนวน 40 ประเทศเข้าร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย

พิธีการสวนสนามทางเรือ นับเป็นพิธีสำคัญของทหารเรือที่ทำขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลสำคัญของประเทศหรือต่างประเทศตามที่จะเห็นสมควร มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ โดยแบ่งพิธีสวนสนามทางเรือเป็น 2 ประเภท คือ Naval Vessels Parade หรือ Naval Parade และ Naval Review หรือ Fleet Review ที่ใช้ในการสวนสนามทางเรือนานาชาติที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยนี้ เป็นการสวนสนามโดยเรือรบทั้งหมดจะทอดสมออยู่กับที่ เรือตรวจพลหรือเรือประธานซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะจะอยู่บนเรือหลวงถลาง ซึ่งจะแล่นผ่านขบวนเรือรบต่างๆ เหล่านั้น เช่นเดียวกับการตรวจพลสวนสนามทางบก

การที่กองทัพเรือ เลือกเรือหลวงถลางเป็นเรือประธานในพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติครั้งนี้ เป็นเรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด โดยทำหน้าที่ควบคุมเรือกวาดทุ่นระเบิดน้ำตื้นในการปฏิบัติการ และสนับสนุนการส่งกำลังให้แก่เรือล่าทำลายทุ่นระเบิด ผ่านการปฏิบัติราชการที่สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้จะขึ้นระวางมาแล้วกว่า 37 ปี แต่ยังอยู่ในสภาพดีพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ สะท้องถึงสมรรถภาพของเรือที่ต่อใช้เองในประเทศ และการดูแลรักษาเรือของกำลังพลประจำเรือเป็นอย่างดี ถือเป็นความภาคภูมิใจ และแสดงออกให้นานาชาติเห็นถึงขีดความสามารถของกองทัพเรือ นับเป็นการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการพึ่งพาตนเอง และความพอเพียงมาใช้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น